กลับมาถกกึกก้องโซเชียล! ไม่ขอตำแหน่งทางด้านวิชาการ ไม่ต่อสัญญา มธนาคารเริ่มตั้งใจจริงปีนี้ปีแรก

กลับมาถกลั่นโซเชียล! ไม่ขอตำแหน่งด้านวิชาการ ไม่ต่อสัญญา มธนาคารเริ่มมุ่งมั่นปีนี้ปีแรก
นับตั้งแต่มีการผูกการขอตำแหน่งทางด้านวิชาการกับการต่อสัญญว่าจ้าง ก็ก่อเกิดกระแสวิจารณ์โดยตลอด ส่วนใดส่วนหนึ่งเห็นว่าเมื่อนำการขอตำแหน่งวิชาการ เข้ามาเป็นข้อตกลงการต่อสัญญาการเป็นคุณครู ก็จะเปลี่ยนเป็นการลงทัณฑ์ไปโดยปริยาย โดยถ้าหากไม่ขอตำแหน่งด้านวิชาการด้านในระบุก็จะมิได้ต่อสัญญาว่าจ้าง เวลาที่คุณครูส่วนใดส่วนหนึ่งเห็นว่าเพราะเหตุว่าตำแหน่งด้านวิชาการ ไม่ได้การันตีประสิทธิภาพการสอน หรือกระบวนการทำคุณประโยชน์ต่อนักเรียนแล้วก็สังคมเลย
ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีภาควิชาวิทยาการทำความเข้าใจแล้วก็ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธนาคาร) ได้โพสต์ใจความสำคัญดังที่กล่าวมาข้างต้นอีกรอบ โดยกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเอาจริงเอาจังหัวข้อการไม่ต่อสัญญาคุณครูที่ไม่อาจจะขอตำแหน่งด้านวิชาการตามเกณฑ์ช่วงเวลาที่ระบุได้ เวลาที่หลายมหาวิทยาลัยดำเนินงานดังที่กล่าวมาข้างต้นมานับเป็นเวลาหลายปีแล้ว
โชคร้ายที่ทุกๆวันนี้ คุณประโยชน์รวมทั้งความมั่นคงยั่งยืนของวิชาชีพคุณครูถูกผูกติดอยู่ที่สถานะที่มาจากการเช็ดกประเมินด้วยคนเพียงแต่ไม่กี่คน ผู้กระทำระสะเออะกระสนเอาชีวิตรอดทำให้ผู้คนจำนวนมากเสาะหาวิถีทางลัด ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเพื่อว่าจ้างเขียนเนื้อหาบทความ/หนังสือ การจ่ายใต้โต๊ะเพื่อได้เผยแพร่ผลงานเร็วขึ้น และก็ยังรวมทั้งการเกื้อกูลพวกให้ได้พิมพ์ในนิตยสารวิชาการในสังกัดของตน
เมื่อกระบวนการที่แตกต่างจากปกติถูกทำให้คือเรื่องธรรดาเพราะว่ากฎระเบียบกฎข้อบังคับบังคับให้คนจำเป็นต้องหนีตายแบบนั้น ในที่สุด พวกเราอาจจะจะต้องหันกลับมาตั้งปัญหาว่า พวกเรายังสามารถภูมิใจในวิชาชีพของพวกเราท่ามกลางความเน่าเหม็นเฟอะของระบบแบบที่เป็นอยู่ได้ใช่หรือ
ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อดิศรเจาะจงเพราะว่า ส่วนหนึ่งส่วนใดของปัญหาในระบบขอตำแหน่งทางด้านวิชาการเป็นการที่คนผ่านทางเข้าไปแล้ว ไม่คิดจะแผดเสียงช่วยผู้ที่ยังอยู่ด้านหลัง ถึงแม้ว่าตนเองก็เคยมีประสบการณ์​มิได้รับความเที่ยงธรรม​ หรือเคยถูกแกล้งจากอำนาจในระบบด้วยเหมือนกัน ซ้ำยังเลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นผู้คนจำนวนมากกลับเอาขั้นตอนการเดียวกันมาใช้กับคนรุ่นต่อไป ปฏิบัติตนเสมือนเป็นมาเฟียในวงวิชาการ กัดกันแกล้งสารพัดสารพัน วนเป็นวงจรอุxxx​ไม่รู้จักจบสิ้นสิ้น

โดยภายหลังโพสต์ดังที่กล่าวถึงแล้วถูกเผยแพร่ออกไปก็มีคนภายในวงการนักวิชาการ ได้ร่วมแสดงความเห็นอย่างมากมาย เช่น
– ตำแหน่งด้านวิชาการก็เอาไปผูกไว้กับการเผยแพร่ลงฐานข้อมูล ที่สร้าง Ranking ให้กับมหาวิทยาลัย โดยที่ลืมไปว่ามันยังมีอีกหลายแผนก ที่เป็นครึ่งหนึ่งปฏิบัติวิชาชีพ ที่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถการกระทำ มากยิ่งกว่าการเขียนงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย และก็พวกเรากำลังเสียคุณครูที่มีความรู้ความสามารถพวกนั้นไปครั้งละคน
– แปลกดีที่มหาวิทยาลัยวางกับดักให้ตนเองวนลูปอยู่ในปัญหาด้านประสิทธิภาพคุณครู
ตั้ง KPI ให้คุณครูมีตำแหน่งทางด้านวิชาการจำนวนไม่ใช่น้อย—> คุณครูก็ใช้พลังงานไปกับการสร้างผลงานวิชาการตาม KPI ที่โดยมากมิได้เกี่ยวโยงกับการสอนเท่าไรนัก —> การสอนคุณภาพไม่ดีลง —> คุณครูสายสอนหนีหมดอยู่ในระบบมิได้ —> บีบคั้นคุณครูไม่สนับสนุนการปรับเงินเดือนขึ้นคุณครู เนื่องจากว่าคิดว่าตำแหน่งทางด้านวิชาการก็คือค่าจ้างรายเดือนที่มากขึ้นแล้ว —> คุณภาพชีวิตคุณครูห่วยลง คุณครูสายสอนที่ยังปรารถนาอยู่รอดในระบบ ก็ใช้เวลาสำหรับเพื่อการดำเนินการเพื่อการสอนเต็มกำลัง ส่วนงานเพื่อการขอตำแหน่งเพื่อตนเองรอดในระบบจำต้องเอาไปทำนอกเวลาเป็นหลัก เอารัดเอาเปรียบชีวิตทั่วๆไป เวลาพักที่มนุษย์ควรมีอีก —> ประสิทธิภาพมหาวิทยาลัยห่วยแตกลงตาม การสอนแปลงเป็น priority รองของการทำงานคุณครูซะงั้น ถึงแม้ว่าจะต้องเป็น priority หลัก
– ขอแสดงความเห็นส่วนตัวจากการเฝ้าดูตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียนจวบจนกระทั่งแปลงสถานะมาเป็นอาจารย์ในตอนนี้ พวกเรามีมหาวิทยาลัยไว้เพื่อสร้างนิสิตให้เป็นทรัพยากรบุคคลที่เปี่ยมด้วยความสามารถรวมทั้งประสิทธิภาพไม่ใช่หรือ แล้วเดี๋ยวนี้เป็น… ?
คุณครูที่ตำแหน่งด้านวิชาการสูงแล้วก็ตระหนักถึงหน้าที่หน้าที่อันควรมีต่อนิสิตก็มี แม้กระนั้นเวลาเดียวกัน คุณครูที่หมายมั่นเพียงแต่ตำแหน่งทางด้านวิชาการ แต่ลืมหน้าที่หน้าที่โดยความเป็นจริงของตนก็ใช่ว่าจะไม่มี ผู้มีอิทธิพลเคยลงมาดูบ้างไหมว่านักเล่าเรียนปรารถนาอะไร พวกเขาอยากคุณครูที่มากด้วยตำแหน่งหรอ ตำแหน่งของคุณครูทำให้พวกเขาต้องการเข้าชั้นเรียนหรือขะมักเขม้นในการพัฒนาตัวเองหรอ พวกที่มีเพียงแค่ “อำเภอ” นำหน้านั้นถ่ายทอดความรู้มิได้ถ้าเช่นนั้นสิ คำตอบอาจจะไม่ใช่ จริงๆพวกเขาบางทีอาจปรารถนาเพียงแค่คุณครูที่รู้เรื่อง เข้าถึง ตลอดจนเป็นที่พึ่งพิงอีกทั้งทางสมองและก็หัวใจก็ได้ การผลิตกฎข้อบังคับมาควบคุมสั่งการให้คุณครูแต่ละคนจำต้องใส่หัวโขนที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยขอถามคำถามว่าผลในด้านที่ดีมันจะตกแก่ผู้ใดกันแน่หรอ แน่ๆว่านักศึกษาเล่าเรียนคงจะไม่ใช่หนึ่งในตัวเลือกนั้น คุณครูได้ตำแหน่ง
(ซึ่งบางบุคคลจำต้องแลกเปลี่ยนมาด้วยความทรมาณสาหัส เบียดบังการสอน สุขภาพที่เกิดขึ้นกับร่างกายพังทลาย สุขภาพจิตใจปราชัย) มหาวิทยาลัยได้เครดิตได้แรงก์เริ่ดๆแล้วนิสิตได้อะไรเอ่ย ??? นี่ยังไม่รวมทั้งผู้ที่เลือกทางสายนี้เพื่อเป็นคุณครูอย่างแท้จริง คุณครูที่แสดงว่าผู้สั่งสอนวิชาความรู้อะ แม้กระนั้นท้ายที่สุดบางบุคคลก็จำเป็นต้องถอยจากไปเพียงแค่เพราะเหตุว่ามีคำขึ้นต้นเพียงแค่ “อำเภอ” แม้กระนั้นครวญไปก็เพียงแค่นั้นล่ะ ตัวแม่จะสนใจเพื่ออะเนาะ

กลับมาถกลั่นโซเชียล! ไม่ขอตำแหน่งด้านวิชาการ ไม่ต่อสัญญา มธนาคารเริ่มมุ่งมั่นปีนี้ปีแรก นับตั้งแต่มีการผูกการขอตำแหน่งทางด้านวิชาการกับการต่อสัญญว่าจ้าง ก็ก่อเกิดกระแสวิจารณ์โดยตลอด ส่วนใดส่วนหนึ่งเห็นว่าเมื่อนำการขอตำแหน่งวิชาการ เข้ามาเป็นข้อตกลงการต่อสัญญาการเป็นคุณครู ก็จะเปลี่ยนเป็นการลงทัณฑ์ไปโดยปริยาย โดยถ้าหากไม่ขอตำแหน่งด้านวิชาการด้านในระบุก็จะมิได้ต่อสัญญาว่าจ้าง เวลาที่คุณครูส่วนใดส่วนหนึ่งเห็นว่าเพราะเหตุว่าตำแหน่งด้านวิชาการ ไม่ได้การันตีประสิทธิภาพการสอน หรือกระบวนการทำคุณประโยชน์ต่อนักเรียนแล้วก็สังคมเลย ปัจจุบัน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อดิศร จันทรสุข คณบดีภาควิชาวิทยาการทำความเข้าใจแล้วก็ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธนาคาร) ได้โพสต์ใจความสำคัญดังที่กล่าวมาข้างต้นอีกรอบ โดยกล่าวว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเอาจริงเอาจังหัวข้อการไม่ต่อสัญญาคุณครูที่ไม่อาจจะขอตำแหน่งด้านวิชาการตามเกณฑ์ช่วงเวลาที่ระบุได้ เวลาที่หลายมหาวิทยาลัยดำเนินงานดังที่กล่าวมาข้างต้นมานับเป็นเวลาหลายปีแล้ว โชคร้ายที่ทุกๆวันนี้ คุณประโยชน์รวมทั้งความมั่นคงยั่งยืนของวิชาชีพคุณครูถูกผูกติดอยู่ที่สถานะที่มาจากการเช็ดกประเมินด้วยคนเพียงแต่ไม่กี่คน ผู้กระทำระสะเออะกระสนเอาชีวิตรอดทำให้ผู้คนจำนวนมากเสาะหาวิถีทางลัด ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินเพื่อว่าจ้างเขียนเนื้อหาบทความ/หนังสือ การจ่ายใต้โต๊ะเพื่อได้เผยแพร่ผลงานเร็วขึ้น และก็ยังรวมทั้งการเกื้อกูลพวกให้ได้พิมพ์ในนิตยสารวิชาการในสังกัดของตน เมื่อกระบวนการที่แตกต่างจากปกติถูกทำให้คือเรื่องธรรดาเพราะว่ากฎระเบียบกฎข้อบังคับบังคับให้คนจำเป็นต้องหนีตายแบบนั้น ในที่สุด พวกเราอาจจะจะต้องหันกลับมาตั้งปัญหาว่า พวกเรายังสามารถภูมิใจในวิชาชีพของพวกเราท่ามกลางความเน่าเหม็นเฟอะของระบบแบบที่เป็นอยู่ได้ใช่หรือ ยิ่งไปกว่านี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.อดิศรเจาะจงเพราะว่า ส่วนหนึ่งส่วนใดของปัญหาในระบบขอตำแหน่งทางด้านวิชาการเป็นการที่คนผ่านทางเข้าไปแล้ว ไม่คิดจะแผดเสียงช่วยผู้ที่ยังอยู่ด้านหลัง ถึงแม้ว่าตนเองก็เคยมีประสบการณ์​มิได้รับความเที่ยงธรรม​ หรือเคยถูกแกล้งจากอำนาจในระบบด้วยเหมือนกัน ซ้ำยังเลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นผู้คนจำนวนมากกลับเอาขั้นตอนการเดียวกันมาใช้กับคนรุ่นต่อไป ปฏิบัติตนเสมือนเป็นมาเฟียในวงวิชาการ กัดกันแกล้งสารพัดสารพัน วนเป็นวงจรอุxxx​ไม่รู้จักจบสิ้นสิ้น โดยภายหลังโพสต์ดังที่กล่าวถึงแล้วถูกเผยแพร่ออกไปก็มีคนภายในวงการนักวิชาการ ได้ร่วมแสดงความเห็นอย่างมากมาย เช่น – ตำแหน่งด้านวิชาการก็เอาไปผูกไว้กับการเผยแพร่ลงฐานข้อมูล ที่สร้าง Ranking ให้กับมหาวิทยาลัย โดยที่ลืมไปว่ามันยังมีอีกหลายแผนก ที่เป็นครึ่งหนึ่งปฏิบัติวิชาชีพ ที่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถการกระทำ มากยิ่งกว่าการเขียนงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย…